Purple Angel Wing Heart

วันอังคารที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

2565Com_610_Kanokpit

กิจกรรมที่ 6 Data for computer project
เรื่อง การบาดเจ็บจากการสัมผัสแมงกะพรุนพิษ
และการปฐมพยาบาล

แมงกะพรุน คืออะไร?

แมงกะพรุน หรือ กะพรุนจัดอยู่ในประเภทสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง ไฟลัมไนดาเรีย ไฟลัมย่อยเมดูโซซัว แมงกะพรุนเป็นสัตว์ที่มีลำตัวโปร่งใส ร่างกายประกอบด้วยเจลาตินเป็นส่วนใหญ่ สามารถมองเห็นเข้าไปได้ถึงอวัยวะภายใน เป็นสัตว์ที่ไม่มีทั้งสมองหรือหัวใจ ลำตัวด้านบนของแมงกะพรุนมีลักษณะคล้ายร่ม เรียกว่า "เมดูซา" ซึ่งศัพท์นี้ก็ใช้เป็นอีกชื่อหนึ่งของแมงกะพรุนด้วยเช่นกัน

แมงกะพรุนเป็นสัตว์ที่ถือกำเนิดขึ้นมาแล้วกว่า 505 หรือ 600 ล้านปี โดยถือกำเนิดก่อนไดโนเสาร์ถึง 230 ล้านปี หรือก่อนมนุษย์ราว 500,000 ปี โดยถือได้ว่าเป็นสัตว์ที่ถือกำเนิดมานานแล้วจำพวกหนึ่งที่มีวิวัฒนาการสูงสุด มีวงจรชีวิตที่ขยายพันธุ์ได้ทั้งแบบอาศัยเพศและไม่อาศัยเพศ


พิษ

แมงกะพรุนหลายชนิดมีพิษ โดยบริเวณหนวดและแขนงที่ยื่นรอบปาก เรียกว่า "มีนีมาโตซีส" หรือเข็มพิษ ใช้สำหรับฆ่าเหยื่อ หรือทำให้เหยื่อสลบก่อนจับกินเป็นอาหาร ซึ่งโดยมากเป็น ปลา และใช้สำหรับป้องกันตัว ปริมาณของนีมาโตซีสอาจมีจำนวนถึง 80,000 เซลล์ ใน 1 ตารางเซนติเมตรเท่านั้น ภายในนีมาโตซีสนี้เองมีน้ำพิษที่เป็นอันตรายทำให้เกิดอาการคัน เป็นผื่น บวมแดง เป็นรอยไหม้ ปวดแสบปวดร้อน และเป็นแผลเรื้อรังได้ หรืออาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ ขึ้นอยู่กับแมงกะพรุนแต่ละชนิด ในชนิด Chironex fleckeri ซึ่งเป็นแมงกะพรุนกล่องชนิดที่มีขนาดใหญ่ที่สุด มีเซลล์เข็มพิษมากถึง 4-5,000,000,000 ล้านเซลล์ ในหนวดทั้งหมด 60 เส้น ซึ่งมีผลทางระบบโลหิต โดยไปทำลายเซลล์เม็ดเลือดแดง ทำให้โลหิตเป็นพิษ และเสียชีวิตลงได้ในระยะเวลาอันสั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม


แมงกะพรุนมีพิษทุกชนิดหรือไม่


แมงกะพรุน ปะการัง ดอกไม้ทะเล ไฮดราและไฮดรอยด์ ล้วนเป็นสัตว์ในไฟลัม Cnidaria ซึ่งเอกลักษณ์ของสัตว์ในไฟลัมนี้คือมีเข็มพิษ ดังนั้น แมงกะพรุนทุกชนิดจึงมีพิษ เพียงแต่ความรุนแรงของพิษจะต่างกันไปในแต่ละชนิด จำนวนพิษที่ได้รับ รวมถึงระดับความแพ้ของคน โดยมีตั้งแต่แค่แสบๆ คันๆ ไปจนถึงต้องหามส่งโรงพยาบาล

ระดับความร้ายแรงของพิษในแมงกะพรุนแต่ละชนิดขึ้นกับหลายปัจจัย เช่น สารประกอบในน้ำพิษ ลักษณะและกลไกของเข็มพิษ ไปจนถึงความยาวของเข็มพิษ ซึ่งมีงานวิจัยพบว่าแมงกะพรุนที่มีเข็มพิษยาวจะสร้างความเจ็บปวดได้มากกว่าพวกที่มีเข็มพิษสั้น ทั้งนี้ ความร้ายแรงของพิษยังขึ้นอยู่กับปริมาณพิษที่ได้รับ และระดับความแพ้ของแต่ละคนด้วย


แมงกะพรุนที่พิษอ่อน

อาการมีตั้งแต่แทบไม่รู้สึกอะไร ไปจนถึงแสบๆ คันๆ

แมงกะพรุนหอม (Mastigias sp.)

แมงกะพรุนลอดช่อง (Lobonema smithi)

แมงกะพรุนหนัง (Rhopilema sp.)

แมงกะพรุนพระจันทร์ (Aurelia aurita)

แมงกะพรุนลูกปืนใหญ่ (Stomolophus meleagris)

แมงกะพรุนที่พิษปานกลาง

ทำให้ปวดแสบปวดร้อนบริเวณที่สัมผัส เป็นรอยแดง บวม เป็นผื่น ส่วนคนที่แพ้อาจมีความรุนแรงมากกว่านั้นได้

แมงกะพรุนไฟ (Chrysaora spp.)

แมงกะพรุนไฟสีชมพู (Pelagia spp.)

แมงกะพรุนที่มีพิษร้ายแรง

หากโดนพิษแมงกะพรุนกลุ่มนี้ ควรนำส่งโรงพยาบาลทันที เนื่องจากอาจมีอันตรายถึงชีวิต

1. แมงกะพรุนกล่อง (Box Jellyfish)

Carybdea sivickisi

Chiropsoides buitendiijki

Tripedalia cystophora

2. แมงกะพรุนไฟหมวกโปรตุเกส (Portuguese Man’o War: Physalia spp.)**

ถึงแม้ชื่อของมันจะมีคำว่าแมงกะพรุน แต่จริงๆ แล้วมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า ‘ไซโฟโนฟอร์’

การวินิจฉัยการบาดเจ็บจากแมงกะพรุนพิษ

เนื่องจากการจับตัวแมงกะพรุนที่เป็นสาเหตุนั้นค่อนข้างยาก ทำให้การจำแนกชนิดของแมงOriginal Content By SiPH

กะพรุนที่เป็นเหตุของการบาดเจ็บส่วนใหญ่ไม่สามารถทำได้ ดังนั้นการวินิจฉัยจึงต้องอาศัยประวัติ ข้อมูลพื้นที่ อาการและลักษณะอาการแสดงเป็นหลัก

Portuguese man-o-war (Physalia spp.)

Physalia physalis


เข็มพิษของแมงกะพรุน

เข็มพิษแมงกะพรุนทำงานด้วยระบบสัมผัส เมื่อได้รับการสัมผัส เข็มพิษจะยิงทันที แมงกะพรุนบางชนิดยิงเข็มพิษที่ได้รวดเร็วมากโดยใช้เวลาน้อยกว่า 0.01 วินาที คิดเป็นความเร่งถึง 40,000g – นี่คือหนึ่งในการเคลื่อนไหวทางชีวภาพที่เร็วที่สุด และแม้ว่าแมงกะพรุนจะตายไปแล้ว แต่เข็มพิษก็ยังยิงได้ แม้กระทั่งหนวดที่เหลืออยู่เส้นเดียว ก็ยิงเข็มพิษได้เช่นกัน

Diagram of a cnidocyte ejecting a nematocyst

Diagram of a cnidocyte ejecting a nematocyst

หากนำหนวดแมงกะพรุนไปส่องกล้องจุลทรรศน์ดู จะพบว่าหนวดของมันซ่อนไว้ด้วยเซลล์เข็มพิษ (Cnidocyte) มากมาย โดยในแต่ละเซลล์นั้นจะมีแคปซูลพิษ (Nematocyst) ซึ่งในแคปซูลแต่ละอันนั้นจะบรรจุด้วยน้ำพิษ (venom) และมีท่อนำพิษ (Nematocyst tube) ที่หน้าตาคล้ายฉมวกปลายแหลมขดอยู่

ที่ปลายเซลล์เข็มพิษจะมีขนเล็กๆ ทำหน้าที่คล้ายยามเฝ้าประตู เมื่อใดก็ตามที่ขนนี้ได้รับการสัมผัส แม้จะเพียงน้อยนิด ก็จะกระตุ้นให้ท่อนำพิษที่หน้าตาเหมือนฉมวกพุ่งออกมาทิ่มแทงเหยื่อ พิษที่ถูกเก็บอยู่ทั้งในฉมวกและในแคปซูลก็จะถูกปล่อยออกมา โดยฉมวกนี้ยังมีหนาม
รอบๆ เพื่อไว้ยึดยึดกับผิวเหยื่อไม่ให้หลุดด้วย!

พื้นที่เพียงหนึ่งตารางเซนติเมตรบนหนวดแมงกะพรุน อาจมีเซลล์เข็มพิษกระจายอยู่ตั้งแต่หลักพันจนถึงหลักแสนต่อม ตามแต่ชนิดของแมงกะพรุน ดังนั้น หนวดแต่ละเส้นอาจมีเซลล์เข็มพิษอยู่หลักแสนถึงหลักล้านเซลล์

แม้ว่าที่อยู่ของเซลล์เข็มพิษหลักๆ จะอยู่ที่หนวด แต่ในแมงกะพรุนบางชนิด เข็มพิษยังซ่อนอยู่ในแขนรอบปาก รูปาก และมีไม่กี่ชนิดที่มีเข็มพิษที่บริเวณร่มด้วย โดยเซลล์เข็มพิษเหล่านี้มีรูปร่างต่างๆ กัน และต่างออกไปตามสายพันธุ์ – หากเราอยากระบุชนิดแมงกะพรุนผู้ต้องหาที่ทำให้เราเจ็บแสบ วิธีการก็ไม่ยาก เพียงแค่ใช้สก็อตเทปแปะบริเวณผิวหนังที่ถูกแมงกะพรุนสัมผัส (ที่แห้งแล้ว) และลอกออก เราก็จะได้ตัวอย่างเข็มพิษเอาไปตรวจได้

ส่วนเหตุผลที่แมงกะพรุนไม่ยิงเข็มพิษใส่ตัวเอง เพื่อนร่วมสายพันธุ์เดียวกัน หรือวัสดุที่ไม่มีชีวิต ก็เพราะมันมีระบบตรวจจับสารเคมี (Chemoreceptor) เป็นตัวตัดสินว่าจะต้องยิงเข็มพิษหรือไม่นั่นเอง


วิธีปฐมพยาบาลเมื่อโดนพิษแมงกะพรุน

สิ่งสำคัญคือ หนวดแมงกะพรุนที่เหลือบนผิวหนังยังยิงเข็มพิษได้ ดังนั้น ผู้ที่ช่วยจะต้องระวังไม่ให้ตัวเองกลายเป็นผู้บาดเจ็บไปด้วย โดยมีขั้นตอนการปฐมพยาบาลดังนี้

1. นำหนวดแมงกะพรุนที่หลงเหลือที่ผิวหนังออกให้หมด

  • ห้ามใช้มือจับโดยตรง (อาจใช้คีม, บัตรพลาสติกแข็งเขี่ยออก หรือใช้กระดาษทิชชูซับ)
  • ทิ้งในที่ปลอดภัยและมิดชิด ที่จะไม่มีใครไปสัมผัสมันอีก
  • ห้ามขัดถูหรือขยี้บริเวณแผล

2. ราดด้วยน้ำส้มสายชู นานอย่างน้อย 30 วินาที (หรือถ้าไม่มี ให้ใช้น้ำทะเลแทน หรือจะแช่ในน้ำทะเลก็ได้)

  • ห้าม! ราดด้วยน้ำจืด, ปัสสาวะ, แอลกอฮอล์, แอมโมเนีย, น้ำอัดลม, เบกกิ้งโซดา ฯลฯ (เนื่องจากสารเหล่านั้นจะกระตุ้นให้เข็มพิษที่หลงเหลือทำงาน)
  • สำหรับแผลบริเวณดวงตา ให้ใช้ผ้าชุบน้ำส้มสายชูซับเบาๆ รอบๆ ดวงตา โดยระมัดระวังการสัมผัสกับลูกตาโดยตรง
  • ห้ามขัดถูหรือขยี้บริเวณแผล

หมายเหตุ : น้ำส้มสายชูไม่ได้ลดอาการปวด แต่จะลดการทำงานของเข็มพิษที่หลงเหลือบนผิว

หมายเหตุ2 : ในกรณีของแมงกะพรุนไฟหมวกโปรตุเกส (Physalia sp.) ซึ่งยังเป็นที่ถกเถียงว่าควรใช้น้ำส้มสายชูหรือไม่ เนื่องจากงานวิจัยหลายชิ้นมีความขัดแย้งกัน แต่งานวิจัยล่าสุดซึ่งตีพิมพ์ในปี 2017 ระบุว่า น้ำส้มสายชูช่วยยับยั้งการทำงานของเข็มพิษที่หลงเหลือบนผิวได้

3. หากผู้ป่วยหยุดหายใจ ให้ช่วยหายใจ หากไม่มีชีพจร ให้ปั๊มหัวใจ

  • เรียกรถพยาบาล โทร. 1669

4. ให้ผู้บาดเจ็บอยู่นิ่งๆ ให้มากที่สุดเพื่อลดการทำงานของเข็มพิษที่ยังหลงเหลือ

5. หากมีครีม Safe Sea ให้พ่นหรือทาลงที่แผลได้ (ห้ามใช้มือเปล่าทา และระวังอย่าให้เป็นการถู)

แม้ว่า Safe Sea จะไม่ได้ช่วยแก้ไขหลังจากถูกพิษแล้ว แต่ด้วยคุณสมบัติของครีมที่ช่วยหยุดยั้งการทำงานของเข็มพิษโดยตรง ทำให้สามารถป้องกันผู้ป่วยจากเข็มพิษที่หลงเหลือบนผิวหนังได้

6. ในกรณีที่อาการรุนแรง เช่น ปวดมาก กระสับกระส่าย เหงื่อออกมาก ใจสั่น หายใจขัด หน้าซีด ให้นำส่งโรงพยาบาลเพื่อให้อยู่ภายใต้การดูแลทางการแพทย์


งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง







วิดีโอที่เกี่ยวข้อง






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

2565Com_610_Kanokpit

กิจกรรมที่ 6 Data for computer project เรื่อง  การบาดเจ็บจากการสัมผัสแมงกะพรุนพิษ และการปฐมพยาบาล แมงกะพรุน คืออะไร? แมงกะพรุน  หรือ  กะพรุน...